ー ー ー ー ー
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่มีการอัพเดตเป็นเวลานานมวากกกก
ー ー ー ー ー
ตั๋วโดยสารที่สามารถนั่งรถไฟไป JR ไปได้หลายๆ เส้นทางในราคา 2670 เยนครับ เรามาดูกันว่าสามารถไปได้ถึงไหนกันบ้าง...
ตั๋ว One-day pass ของ JR จะมีแบบที่เป็น Tokunai คือในเขตปกครองพิเศษโตเกียวทั้ง 23 เขตเท่านั้น ส่วนตั๋วOdekake pass นี้จะกว้างกว่าครับ แต่ก็มีข้อแม้คือใช้ได้เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ หรือไม่ก็วันหยุดครับ
สายรถไฟหลักๆ ที่ใช้ได้เฉพาะบางช่วง
Tokaido line ถึง Odawara Yokosuka line ตลอดสายถึง Kurihama
Utsunomiya line ถึง Jichiidai, Ashikaga (ต่อ Ryomo line จาก Oyama), Shimodate (ต่อ Mito line จาก Oyama)
Takasaki line ถึง Jimbohara
Joban line ถึง Tsuchiura
Ome line , Chuo line ถึง Otsuki, Okutama, Musashiitsukaichi
Hachiko line ถึง Yorii
Narita / Sobu line ถึง Narita / Narita airport / Naruto
Uchibo / Sotobo line ถึง Kimitsu / Mobara / Kazusa-Kameyama (ตลอดสาย Kururi line)
สายรถไฟที่สามารถใช้ได้ตลอดสาย
Yamanote line / Keihin-Tohoku line-->Negishi line / Saikyo line-->Kawagoe line / Rinkai line / Tokyo Monorail line / Chuo-Sobu line local / Keiyo line / Musashino line / Yokomaha line / Sagami line / Nambu line (รวมสายแยกย่อย) / Tsurumi line
..อาจจะมีสายอื่นที่ตกหล่นไปบ้าง โดยเราอาจจะใช้ตั๋วนี้ไปเที่ยวหลายๆ ที่ แล้วจะรีวิวเส้นทางกับสถานที่ท่องเที่ยวกันครับ จะพยายามเขียนให้เข้าใจง่ายเท่าที่ทำได้ละกันครับ
สำหรับครั้งนี้เราจะขอเริ่มกันที่เส้นทางที่ 1 จากในตัวเมืองโตเกียว --> Otsuki ครับ
ข้อแม้คือจะคุ้มถ้าหากว่าขึ้นจากสถานีที่ห่างจากชินจุกุนิดนึงครับ เช่นแถบ Ikebukuro Tokyo Ueno ที่คุ้มเพราะว่าตั๋วไปกลับก็ 2800 กว่าครับ แต่ one-day pass ไม่ถึง 2700 จะประหยัดได้ 200 เยนครับ
จากสถานี Otsuki นั่งรถบัสต่อไปสองป้าย เราก็จะได้รับชมหนึ่งใน "รถไฟที่เร็วที่สุดในโลก" วิ่งผ่านหน้ากันแบบเต็มๆ ตาครับ สำหรับคนที่ชอบรถไฟ ก็ถือว่าเป็นอะไรที่แนะนำมากทีเดียว (แนะนำสำหรับคนชอบรถไฟครับ มีแต่รถไฟให้ดู 555) ต่อไปนี้เราจะนำมาลงให้ดูครับ ตอนวันที่ผมไป ขณะนั่งรถไฟ พบว่ากล้องและเมโมรี่การ์ดผมอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน...แผนเกือบพังแล้วครับ แต่โชคดีที่ 7-11 ในต่างจังหวัดมีเมโมรี่การ์ดขายครับ 4GB ในราคาประมาณ 1100 เยน
แต่อย่างไรก็ดีก็แนะนำให้เช็คสภาพกล้องและเมโมรี่การ์ดก่อนเดินทางกันด้วยนะ
จากตั๋วรถไฟเมื่อสักครู่ เราสามารถใช้ตั๋วดังกล่าว เพิ่มเงินเล็กน้อย จะสามารถจองตั๋วรถด่วนพิเศษได้ครับ ผมก็เพิ่มเงินอีก 930 เยนเพื่อจองที่นั่งรถด่วนพิเศษ Kaiju เอ๊ยไม่ใช่ๆ Kaiji จาก
Shinjuku --> Otsuki ครับ นั่งสบายๆ ด้วยความรวดเร็ว
หน้าตารถด่วนสีลูกกวาดครับ ลงที่สถานี Otsuki แนะนำรถไฟที่ถึงก่อน 8.40 ครับ
หน้าสถานีรถไฟ Otsuki เปลี่ยนรถไฟไป Kawaguchiko ที่นี่ก็ได้ครับ แต่เราจะเปลี่ยนรถเมล์ไปที่ Yamanashi Linear Exhibition center กันครับ ป้ายรถเมล์หน้าสถานี ค่าโดยสารรถเมล์ 300 เยน (ไปกลับ 600 เยน)
สำหรับตารางรถบัสอยู่ที่นี่ครับ
ใกล้ถึงศูนย์แม็กเลฟแล้ว จะเจอกับสะพานแม็กเลฟข้ามทางด่วนครับ ช่วงนี้เป็นเส้นทางที่สร้างมาตั้งแต่เริ่มทดสอบตอนแรกประมาณปี 2000 ระยะทางเพียง 18 กิโลเมตร และแม็กเลฟญี่ปุ่นก็ไปถึงขั้นสูงสุดในปี 2003 เมื่อทำความเร็วทะลุสถิติโลกที่ 581 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช้ากว่ารถไฟจรวดนิดเดียวเอง... แต่แน่นอนรถไฟจรวดคงไม่ใช้โดยสาย ส่วนแม็กเลฟใช้สำหรับการโดยสารเชิงพานิชย์จริงๆ ต่อมาแม็กเลฟก็เงียบหายไป และได้มีการกลับมาเปิดอีกครั้งด้วยความยาว 42.8 กิโลเมตร พร้อมกับรถไฟรุ่น L0 ในปี 2013 ที่พร้อมที่จะใช้ในการโดยสารจริงๆ แล้ว และทดสอบวิ่งไปมาด้วยความเร็ว 500 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อาคารพิพิธภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดใหม่ครับ จัดแสดงเกี่ยวกับแม็กเลฟ ค่าเข้าชม 420 เยน
รถไฟแม็กเลฟ MLX-01 ที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยความเร็ว 581 กม./ชม.
ขึ้นไปที่ชั้นที่ 2 จะมีที่แสดงการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแม่เหล็กต่างๆ แน่นอนว่าต้องมีแม็กเลฟจำลองครับ มีให้ลองนั่งด้วย เขาบอกว่ามันลอยได้ครับ... ผมก็ไม่ได้ลองนั่งเลยไม่ทราบ
※คำเตือน : ระวังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของท่าน ไม่ควรเข้าใกล้อุปกรณ์แม่เหล็ก
โมเดลรถไฟจำลองของ Chuo line รถไฟสายหลักที่ผ่านจังหวัด Yamanashi และแม็กเลฟก็มีโมเดลจำลองกับเขาด้วย
จุดชมวิวมีทั้งชั้น 2 และ 3 ส่วนชั้น 2 จะเป็นระเบียงครับ รวมไปถึงอาคารดั้งเดิมที่เป็นทรงกลมๆ (ภาพล่าง) ชั้น 3 ก็เป็นที่ชมวิวเช่นกัน โดยมีหน้าจอบอกสถานะของรถไฟแบบ Real-time
จะมีอีกหลายอาคารครับ ใกล้ๆ กับสะพานจะมีตึกเก่า เล็กกว่าตึกใหม่ มีที่ชมวิวเหมือนกันครับ โดยชั้น 1 2 จะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับจังหวัดยามานาชิ และของที่ระลึกครับ
และมีชานชาลาของ Maglev แต่ไม่เปิดให้เราเข้าชมครับ บางครั้งให้เฉพาะสื่อมวลชน เท่าที่หาข้อมูลได้ ลักษณะคล้ายๆ สนามบินครับ
และแม็กเลฟตัวจริง เสียงจริง ไม่มีกระจกหน้า!
Video
Official website <--(English version) สามารถเช็ควิธีการเดินทาง รวมถึงอย่าลืมเช็คด้วยว่าวันไหนบ้างที่รถไฟจะวิ่งทดสอบ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านโพสต์ของเราครับ สุดท้ายก็มาสรุปกันเล็กๆ น้อยๆ
-->ค่าโดยสาร 2670 One day pass + 930 Limited express + 300x2 Bus = 4200 เยนครับ
ถ้าคิดว่ายังใช้พาสไม่คุ้ม ก็นั่งรถไฟที่อื่นต่อได้ในตอนเย็นครับ เช่น Odaiba เป็นต้น
-->ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 420 เยน
-->ถ้าโชคดีจะได้เห็นรถไฟวิ่งด้วยความเร็ว Top speed ที่ผู้เขียนไปมานั้น เปิดมาเที่ยวแรกก็จัดเต็ม 500 กม./ชม. เลย ถ่ายไม่ทัน ได้แต่อิ้ง... ห๊ะ!!!
-->รถไฟอาจมีการหยุดทดสอบกลางทางได้ เข้าใจว่าขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ที่ทดสอบการวิ่ง และเจ้าหน้าที่ก็ทดสอบวิ่งในวันเสาร์อาทิตย์ด้วย เพื่อให้คนได้มาดูรึเปล่านะ...แต่ก็ดีนะครับ ไม่ได้ทำงานแค่วันธรรมดา
-->ภายในตัวพิพิธภัณฑ์มีการตั้งโต๊ะขายข้าวกล่องในช่วงตอนกลางวัน ก็เป็นของกินง่ายๆ ครับ
WORKETA
worketadirect@gmail.com
----------------
เพิ่มเติม ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2557
ก่อนอื่นขอเพิ่มเติม Fun Facts ด่วนๆ ครับ สำหรับโฆษณา 4G LTE ของญี่ปุ่นที่กำลังดังมากๆๆๆ ในตอนนี้ LTE ของญี่ปุ่นนั้นเร็วประมาณไหนเรามาดูกันครับ
สายรถไฟหลักๆ ที่ใช้ได้เฉพาะบางช่วง
Tokaido line ถึง Odawara Yokosuka line ตลอดสายถึง Kurihama
Utsunomiya line ถึง Jichiidai, Ashikaga (ต่อ Ryomo line จาก Oyama), Shimodate (ต่อ Mito line จาก Oyama)
Takasaki line ถึง Jimbohara
Joban line ถึง Tsuchiura
Ome line , Chuo line ถึง Otsuki, Okutama, Musashiitsukaichi
Hachiko line ถึง Yorii
Narita / Sobu line ถึง Narita / Narita airport / Naruto
Uchibo / Sotobo line ถึง Kimitsu / Mobara / Kazusa-Kameyama (ตลอดสาย Kururi line)
สายรถไฟที่สามารถใช้ได้ตลอดสาย
Yamanote line / Keihin-Tohoku line-->Negishi line / Saikyo line-->Kawagoe line / Rinkai line / Tokyo Monorail line / Chuo-Sobu line local / Keiyo line / Musashino line / Yokomaha line / Sagami line / Nambu line (รวมสายแยกย่อย) / Tsurumi line
..อาจจะมีสายอื่นที่ตกหล่นไปบ้าง โดยเราอาจจะใช้ตั๋วนี้ไปเที่ยวหลายๆ ที่ แล้วจะรีวิวเส้นทางกับสถานที่ท่องเที่ยวกันครับ จะพยายามเขียนให้เข้าใจง่ายเท่าที่ทำได้ละกันครับ
สำหรับครั้งนี้เราจะขอเริ่มกันที่เส้นทางที่ 1 จากในตัวเมืองโตเกียว --> Otsuki ครับ
ข้อแม้คือจะคุ้มถ้าหากว่าขึ้นจากสถานีที่ห่างจากชินจุกุนิดนึงครับ เช่นแถบ Ikebukuro Tokyo Ueno ที่คุ้มเพราะว่าตั๋วไปกลับก็ 2800 กว่าครับ แต่ one-day pass ไม่ถึง 2700 จะประหยัดได้ 200 เยนครับ
จากสถานี Otsuki นั่งรถบัสต่อไปสองป้าย เราก็จะได้รับชมหนึ่งใน "รถไฟที่เร็วที่สุดในโลก" วิ่งผ่านหน้ากันแบบเต็มๆ ตาครับ สำหรับคนที่ชอบรถไฟ ก็ถือว่าเป็นอะไรที่แนะนำมากทีเดียว (แนะนำสำหรับคนชอบรถไฟครับ มีแต่รถไฟให้ดู 555) ต่อไปนี้เราจะนำมาลงให้ดูครับ ตอนวันที่ผมไป ขณะนั่งรถไฟ พบว่ากล้องและเมโมรี่การ์ดผมอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน...แผนเกือบพังแล้วครับ แต่โชคดีที่ 7-11 ในต่างจังหวัดมีเมโมรี่การ์ดขายครับ 4GB ในราคาประมาณ 1100 เยน
แต่อย่างไรก็ดีก็แนะนำให้เช็คสภาพกล้องและเมโมรี่การ์ดก่อนเดินทางกันด้วยนะ
จากตั๋วรถไฟเมื่อสักครู่ เราสามารถใช้ตั๋วดังกล่าว เพิ่มเงินเล็กน้อย จะสามารถจองตั๋วรถด่วนพิเศษได้ครับ ผมก็เพิ่มเงินอีก 930 เยนเพื่อจองที่นั่งรถด่วนพิเศษ Kaiju เอ๊ยไม่ใช่ๆ Kaiji จาก
Shinjuku --> Otsuki ครับ นั่งสบายๆ ด้วยความรวดเร็ว
วิวระหว่างทางช่วง Takao - Otsuki พอพ้นเขตเมืองโตเกียวไปเท่านั้นหละครับ
หน้าสถานีรถไฟ Otsuki เปลี่ยนรถไฟไป Kawaguchiko ที่นี่ก็ได้ครับ แต่เราจะเปลี่ยนรถเมล์ไปที่ Yamanashi Linear Exhibition center กันครับ ป้ายรถเมล์หน้าสถานี ค่าโดยสารรถเมล์ 300 เยน (ไปกลับ 600 เยน)
สำหรับตารางรถบัสอยู่ที่นี่ครับ
ใกล้ถึงศูนย์แม็กเลฟแล้ว จะเจอกับสะพานแม็กเลฟข้ามทางด่วนครับ ช่วงนี้เป็นเส้นทางที่สร้างมาตั้งแต่เริ่มทดสอบตอนแรกประมาณปี 2000 ระยะทางเพียง 18 กิโลเมตร และแม็กเลฟญี่ปุ่นก็ไปถึงขั้นสูงสุดในปี 2003 เมื่อทำความเร็วทะลุสถิติโลกที่ 581 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช้ากว่ารถไฟจรวดนิดเดียวเอง... แต่แน่นอนรถไฟจรวดคงไม่ใช้โดยสาย ส่วนแม็กเลฟใช้สำหรับการโดยสารเชิงพานิชย์จริงๆ ต่อมาแม็กเลฟก็เงียบหายไป และได้มีการกลับมาเปิดอีกครั้งด้วยความยาว 42.8 กิโลเมตร พร้อมกับรถไฟรุ่น L0 ในปี 2013 ที่พร้อมที่จะใช้ในการโดยสารจริงๆ แล้ว และทดสอบวิ่งไปมาด้วยความเร็ว 500 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อาคารพิพิธภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดใหม่ครับ จัดแสดงเกี่ยวกับแม็กเลฟ ค่าเข้าชม 420 เยน
รถไฟแม็กเลฟ MLX-01 ที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยความเร็ว 581 กม./ชม.
ขึ้นไปที่ชั้นที่ 2 จะมีที่แสดงการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแม่เหล็กต่างๆ แน่นอนว่าต้องมีแม็กเลฟจำลองครับ มีให้ลองนั่งด้วย เขาบอกว่ามันลอยได้ครับ... ผมก็ไม่ได้ลองนั่งเลยไม่ทราบ
※คำเตือน : ระวังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของท่าน ไม่ควรเข้าใกล้อุปกรณ์แม่เหล็ก
จากนั้นเมื่อขึ้นมาชั้นสาม ก็จะเป็นที่ mini-theater , diorama จัดแสดงรถไฟจำลอง(HO-Gauge)
โมเดลรถไฟจำลองของ Chuo line รถไฟสายหลักที่ผ่านจังหวัด Yamanashi และแม็กเลฟก็มีโมเดลจำลองกับเขาด้วย
จุดชมวิวมีทั้งชั้น 2 และ 3 ส่วนชั้น 2 จะเป็นระเบียงครับ รวมไปถึงอาคารดั้งเดิมที่เป็นทรงกลมๆ (ภาพล่าง) ชั้น 3 ก็เป็นที่ชมวิวเช่นกัน โดยมีหน้าจอบอกสถานะของรถไฟแบบ Real-time
จะมีอีกหลายอาคารครับ ใกล้ๆ กับสะพานจะมีตึกเก่า เล็กกว่าตึกใหม่ มีที่ชมวิวเหมือนกันครับ โดยชั้น 1 2 จะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับจังหวัดยามานาชิ และของที่ระลึกครับ
และมีชานชาลาของ Maglev แต่ไม่เปิดให้เราเข้าชมครับ บางครั้งให้เฉพาะสื่อมวลชน เท่าที่หาข้อมูลได้ ลักษณะคล้ายๆ สนามบินครับ
และแม็กเลฟตัวจริง เสียงจริง ไม่มีกระจกหน้า!
Official website <--(English version) สามารถเช็ควิธีการเดินทาง รวมถึงอย่าลืมเช็คด้วยว่าวันไหนบ้างที่รถไฟจะวิ่งทดสอบ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านโพสต์ของเราครับ สุดท้ายก็มาสรุปกันเล็กๆ น้อยๆ
-->ค่าโดยสาร 2670 One day pass + 930 Limited express + 300x2 Bus = 4200 เยนครับ
ถ้าคิดว่ายังใช้พาสไม่คุ้ม ก็นั่งรถไฟที่อื่นต่อได้ในตอนเย็นครับ เช่น Odaiba เป็นต้น
-->ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 420 เยน
-->ถ้าโชคดีจะได้เห็นรถไฟวิ่งด้วยความเร็ว Top speed ที่ผู้เขียนไปมานั้น เปิดมาเที่ยวแรกก็จัดเต็ม 500 กม./ชม. เลย ถ่ายไม่ทัน ได้แต่อิ้ง... ห๊ะ!!!
-->รถไฟอาจมีการหยุดทดสอบกลางทางได้ เข้าใจว่าขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ที่ทดสอบการวิ่ง และเจ้าหน้าที่ก็ทดสอบวิ่งในวันเสาร์อาทิตย์ด้วย เพื่อให้คนได้มาดูรึเปล่านะ...แต่ก็ดีนะครับ ไม่ได้ทำงานแค่วันธรรมดา
-->ภายในตัวพิพิธภัณฑ์มีการตั้งโต๊ะขายข้าวกล่องในช่วงตอนกลางวัน ก็เป็นของกินง่ายๆ ครับ
WORKETA
worketadirect@gmail.com
----------------
เพิ่มเติม ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2557
ก่อนอื่นขอเพิ่มเติม Fun Facts ด่วนๆ ครับ สำหรับโฆษณา 4G LTE ของญี่ปุ่นที่กำลังดังมากๆๆๆ ในตอนนี้ LTE ของญี่ปุ่นนั้นเร็วประมาณไหนเรามาดูกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น