แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถไฟฟ้าและการขนส่ง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถไฟฟ้าและการขนส่ง แสดงบทความทั้งหมด

17 มี.ค. 2568

Never Stop Growing Bangkok - ภาพรถไฟฟ้าขณะก่อสร้างที่ถ่ายสะสมไว้โดยไม่รู้ตัวกว่า 10 ปี

    กลับไปค้นรูปเก่าๆ พบว่าตัวเองถ่ายรูปรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างในกรุงเทพสะสมเก็บไว้ตลอดโดยที่ไม่รู้ตัวเลย

    ไม่สิ ต้องรู้ตัวสิครับว่ากำลังถ่ายอะไรอยู่ตรงหน้า แต่ตอนถ่ายก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดจะเปรียบเทียบ before - after อย่างไร แค่ตื่นเต้นว่าตรงนี้ที่เราผ่านบ่อยๆ กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า เลยถ่ายเก็บไว้ ผ่านไปอีกปีสองปีก็กลับมาเห็นว่ามันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ก็ถ่ายเก็บไว้เรื่อยๆ รอวันที่เสร็จเป็นรูปเป็นร่าง...

    วันนี้เลยขอรวบรวมภาพรถไฟฟ้าขณะก่อสร้างที่ถ่ายสะสมไว้โดยไม่รู้ตัวกว่า 10 ปี มาให้ผู้อ่านได้ชมกันครับ

  สายสีน้ำเงิน (สายเฉลิมรัชมงคล)  

สายสีน้ำเงิน สถานีวัดมังกร

    หลังจากรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของไทย ช่วง หัวลำโพง - บางซื่อ เปิดให้บริการในปี 2004 ก็มีการพูดถึงส่วนต่อขยายไปยังฝั่งธนบุรีอยู่เรื่อยๆ จนในที่สุดก็เริ่มก่อสร้างในช่วงปี 2012 ตอนนั้นเรียนที่สวนกุหลาบ ไปโรงเรียนผ่านดิโอลด์สยามทุกวันก็จะเห็นเขาปิดถนนบางเลนเพื่อสร้างรถไฟใต้ดิน แล้วเขาก็ว่ากันว่าตอบจบ ม.6 น่าจะเสร็จ แต่สุดท้ายกว่าจะเสร็จก็เกือบๆ มหาลัย ปี 2-3 (2019) เลย
    จริงๆ ผมก็ไม่ได้ติดตามการก่อสร้างช่วงใต้ดินมากเท่าไหร่ แต่ที่เห็นอยู่เรื่อยๆ คือช่วงใกล้ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เพราะชอบไปกับครอบครัวอยู่บ่อย ก็จะผ่านสะพานของสายสีน้ำเงินที่ต้องวิ่งสูงเพื่อข้ามถนนคู่ขนานลอยฟ้า สำหรับผมตอนนั้นถือว่าน่าตื่นเต้นมาก เพราะมีทั้งถนนลอยฟ้า สะพานข้ามแยก แล้วยังมีอุโมงค์ลอดแยกอีก มีกี่ชั้นเนี่ย...

สะพานข้ามทางคู่ขนานลอยฟ้า ปี 2015

2 ปีผ่านไป...

  2 ปีผ่านไป... 

18 ม.ค. 2566

รถไฟฟ้าสายใหม่ ช่วยลดปัญหาการจราจรได้จริงๆ หรือเปล่า : ทบทวนบทความเก่า (ep.3)

รถไฟฟ้าสายใหม่ ช่วยลดปัญหาการจราจรได้จริงๆ หรือเปล่า

เป็นโพสต์ที่เขียนไว้เมื่อ 4 ปีก่อนครับ เมื่อตอนนั้นผมก็ลองคาดเดาไว้ (โดยที่ไม่ค่อยมีความรู้อะไรมากนัก) ว่า...

    "ในขณะที่รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงได้เปิดใช้ จะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายไปยังรถไฟฟ้า metro (BTS/MRT) อื่นๆ เข้าไปในตัวเมือง ซึ่งสายอื่นๆ นั้นก็รับผู้โดยสารจำนวนหนึ่งมาจากย่านนอกเมืองแล้ว จะทำให้เกิด overcrowded หรือไม่ เลยลองเสนอว่าให้รถไฟฟ้า metro แต่ละสายมีรถไฟฟ้าที่วิ่งตัดระยะเฉพาะในเมือง ไม่ต้องวิ่งตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางตลอดทุกขบวน"

ในวันนี้ที่รถไฟฟ้าแต่ละสายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมานั้น ก็เห็นชัดเจนว่าอย่างรถไฟฟ้าบีทีเอสในสายสุขุมวิทที่วิ่งยาวตั้งแต่คูคตจนถึงสมุทรปราการนั้น ก็มีรถไฟที่ตัดระยะระหว่างทาง (หมอชิต / ม.เกษตร / สำโรง) เหตุผลนั้นก็ได้แก่เป็นการเพิ่มความถี่ให้กับช่วงรถไฟภายในใจกลางเมือง ส่วนชานเมืองที่คนไม่ได้อยู่กันหนาแน่นก็ลดปริมาณเที่ยวรถลงให้พอดีกับจำนวนผู้โดยสาร


แผนภาพแสดงความถี่(โดยประมาณ)ของรถไฟฟ้า BTS ในสายสุขุมวิทโดยมีการตัดระยะรถระหว่างทาง
นอกจากจะเป็นการปรับความถี่ที่เหมาะกับจำนวนผู้โดยสารระหว่างทาง 
ทั้งนี้ยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รายทางมีที่นั่งบนรถต้นสายด้วยครับ

สายสีแดง : กับจำนวนผู้โดยสารที่ยังไม่ค่อยถึงเป้าเท่าไหร่...

ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงที่รอคอยกันมานานแสนนานนั้น ก็มักจะมีข่าวอยู่เสมอว่าไม่ค่อยมีผู้โดยสารถึงเป้าที่คาดการณ์ไว้

เราลองมาวิเคราะห์กันครับว่าทำไม รถไฟฟ้าสายสีแดงถึงไม่มีผู้โดยสารตามเป้า

ความคิดเห็นส่วนตัวของผม พูดตรงๆ ผมว่าเขาคำนวณไว้ผิดตั้งแต่แรก

อย่างสมมติว่าเราตั้งเป้าหมายผู้โดยสารไว้ที่ 100000 คน / วัน (ผมก็จำตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้ตอนนั้นไม่ได้เหมือนกัน) โดยรถชานเมืองวิ่งตั้งแต่ 6-24 โดยวิ่งเฉลี่ยทุกๆ 15-20 นาที ก็จะมีรถไฟโดยประมาณวันละ 60 เที่ยว ไปกลับก็ 120 เที่ยว มีสองสายก็ 240 เที่ยว เพราะฉะนั้นก็หารเลขออกมาจะได้อยู่เที่ยวละเฉลี่ย 400คน/เที่ยว จึงจะได้ผู้โดยสารตามเป้าที่ตั้งไว้

ซึ่งมันไม่ make sense เลยเพราะว่ารถไฟชานเมืองไม่ใช่รถไฟในเมือง ตอนกลางวันก็จะไม่ค่อยมีผดส. เท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นตอนกลางวันแสกๆ มันแทบไม่มีโอกาสที่จะเห็นรถไฟฟ้าที่มีคนนั่ง 400คน/เที่ยวเลย

ตอนชั่วโมงทำงานอาจจะมีคนมากกว่า 400คน/เที่ยว สมมติว่ารถไฟเข้าเมืองช่วง 6-9 และออกเมืองช่วง 16-19 มีอย่างละ 12 เที่ยว (15min/train) อาจจะมีคนขึ้นเฉลี่ยสัก 6-700 คนต่อเที่ยว รวมสองสายก็อาจจะมีเพียงแค่ 40000 คนในชั่วโมงเร่งด่วน

เพราะอย่าลืมว่าระบบรถไฟสายสีแดงในปัจจุบันนี้ยังเป็นระบบที่เข้าเมืองออกเมืองชัดเจน ถ้าชั่วโมงเร่งด่วนเขาก็จะมีคนแน่นเพียงขาเดียว (อาจจะมีคนออกจากกลางเมืองกรุงเทพไปทำงานชานเมืองบ้าง แต่น้อยมาก) เราอาจจะลืมคำนวณส่วนนี้ไปก็ได้

ส่วนเวลาไม่มีคนจะเป็นอย่างไร รวมแล้วถึง 100000 คนต่อวันไหม ผมคิดว่าน่าจะไม่ง่ายทีเดียว

กับอีกอย่างหนึ่งคือประชาชนอาจจะกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวอยู่ก็เป็นได้ การขนส่งสาธารณะนั้นไม่ได้เปลี่ยนชีวิตคนเมืองภายในชั่วคืนเดียว ช่วงแรกที่รถไฟเปิดบริการอาจจะมีคนให้ความสนใจเลยมาลองนั่งกันบ้าง แต่ไปสักพักก็จะเริ่มเห็นว่าช่วงแรกๆ เนี่ยก็ไม่ได้มีคนมากเท่าไหร่ครับ แต่ก็เชื่อว่าจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต

สายสีแดง : ไม่ได้ลดรถติดเพราะคนหันไปใช้รถไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

ต่อมาก็อยากจะพูดอีกเรื่องเกี่ยวกับปัญหาจราจร อันได้แก่เรื่องรถติด ซึ่งตรงนี้ รถไฟฟ้าสายสีแดงนั้นมีความเกี่ยวข้องมากกว่าการให้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นจากรถส่วนตัว

เพราะรถไฟฟ้าสายสีแดงนั้นเป็นการ "UPGRADE" ทางรถไฟรางไกลทางเดิม โดยนำรถไฟทางไกลเดิมนำไปวิ่งบนทางรถไฟยกระดับ ทำให้ตัดปัญหาจุดตัดระหว่างรถไฟกับถนน โดยรถยนต์ไม่ต้องเสียเวลารอรถไฟอีก

และการเปลี่ยนรถไฟทางไกลให้เริ่มต้นจากสถานีบางซื่อ แทนที่สถานีกรุงเทพเดิม(หัวลำโพง)นั้นก็จะช่วยลดปัญหาจุดตัดถนนกับรถไฟภายในกรุงเทพชั้นในได้อย่างชัดเจน ในตารางเวลารถไฟนั้นอาจจะเห็นรถไฟที่วิ่งเข้าออกหัวลำโพงอยู่จำนวนหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วรถไฟเหล่านี้จะต้องมีการนำ"รถเปล่า" (out of service train) กลับไปเก็บที่พหลโยธินด้วย นั่นคือปริมาณรถไฟที่วิ่งเข้าๆ ออกๆ ช่วง หัวลำโพง - บางซื่อ เนี่ยมันเยอะมากกว่าในตารางเวลาจริงๆ เสียอีก

รถไฟขบวนเที่ยวเปล่า (out of service train) กำลังวิ่งผ่านสามเสนเข้ากรุงเทพ (หัวลำโพง)

เพราะฉะนั้น นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เราควรจะคาดหวังกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ครับ

ความไม่สะดวกสบายกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


นอกจากรถไฟทางไกลจะเริ่มให้บริการจากสถานีกลางใหม่แล้ว รถไฟทางไกลสายเหนือและสายอีสานจะจอดเฉพาะสถานีรถไฟดอนเมืองและรังสิต โดยไม่จอดสถานีรายทางเดิมอีกต่อไป นี่อาจจะทำให้ผู้โดยสารที่เคยใช้บริการสถานีเดิม(รวมไปถึงผมที่บ้านอยู่ข้างสถานีสามเสนด้วย)นั้นไม่ได้รับความสะดวกในการต่อรถไฟเหมือนเดิม แต่อย่างไรก็ตามยังสามารถที่จะต่อรถไฟฟ้าสายสีแดงซึ่งมีรถไฟวิ่งอยู่เรื่อยๆ ไปยังสถานีที่สามารถเปลี่ยนไปยังรถไฟทางไกลได้

ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้โดยสารกังวลนั่นก็คือ การที่นั่งรถไฟสายสีแดงแล้วเปลี่ยนไปเป็นรถไฟธรรมดา จะต้องมีการจ่ายค่าโดยสารซ้ำซ้อนกันสองระบบ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องบ่นแน่นอน ทำให้การรถไฟจึงได้มีมาตรการช่วยผู้โดยสารโดยให้ตั๋วรถไฟฟ้ารางไกลสามารถขึ้นสายสีแดงไปถึงสถานีปลายทางได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำ

ตัวอย่างการเก็บค่าโดยสารรถไฟในญี่ปุ่น ถ้าระยะทางจากสถานีกลางนั้นเกิน 200 กิโลเมตรขึ้นไป
จะสามารถขึ้นลงตรงไหนก็ได้ในเขตเมืองนั้น ตัวอย่างในที่นี้เป็นของกรุงโตเกียว


ผมเองคิดว่าในประเทศไทยเรายังคงยึดหลักแบ่งแยกระบบชัดเจนระหว่าง "รถไฟ" กับ "รถไฟฟ้า" ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเท่าไหร่นัก ในเมื่อรถไฟสายสีแดงไม่ได้เป็นระบบแยกโดดเดี่ยวแต่อย่างได เพราะฉะนั้นมันควรมีการจัดการระบบค่าโดยสารรถไฟที่ดีกว่านี้

อีกอย่างที่ผมสันนิษฐานไว้คือ การรถไฟก็โดยการที่จะเพิ่มรายได้โดยการให้คนนั่งรถไฟสายสีแดงเยอะๆ ขึ้น จริงๆ แล้วผมเห็นด้วยกับการขึ้นราคารถไฟในเขตเมืองหลวง เพราะว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นจะเอาไปทำประโยชน์อะไรให้รถไฟได้อีกเยอะ (รึเปล่า?) ไม่สิ ผมว่าเราควรจะเลิกค่าโดยสารรถไฟที่เริ่มต้นที่ 2 บาท แล้วเก็บสัก 5-6 บาทเท่าๆ กับรถเมล์ (แบบไม่ปรับอากาศ) เฉพาะในเขตเมืองใหญ่ตั้งแต่สัก 10 กว่าปีก่อนแล้ว... (หรือว่าเก็บ 5 บาทก็ยังไม่มีอะไรดึขึ้น? ทั้งรถเมล์ทั้งรถไฟนั่นแหละ)

จากเรื่องเกี่ยวกับ "รถไฟฟ้าสายใหม่ ช่วยลดปัญหาการจราจรได้จริงๆ หรือเปล่า" ก็ค่อยๆ ทยอยไปเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของรถไฟทางไกล อาจจะออกนอกรางไป(ซึ่งก็เป็นคำศัพท์ที่ไม่ค่อยดีสำหรับรถไฟ)เล็กน้อยครับ แต่ก็สรุปสั้นๆ ละกันว่า

・รถไฟฟ้าสายใหม่ ช่วยแก้ปัญหาจราจรได้โดยไม่ใช่แค่ให้คนหันไปนั่งรถไฟ
・แต่สำหรับกรณีของสายสีแดงนั้นยังสามารถลดปริมาณรถไฟรางไกลในเมือง ซึ่งมีปัญหาเรื้อรังในบริเวณจุดตัดเสมอระดับระหว่างรถยนต์และรถไฟ ทำให้รถยนต์

ส่วนปัญหาช่วงที่ขาดหายไป ไม่ว่าจะเป็นช่วงบางซื่อ - หัวลำโพง / ดอนเมือง - บางซื่อ - พญาไท นั้น เชื่อว่าหลังจากที่ทางรถไฟช่วงบางซื่อ - หัวลำโพงได้มีรถเดินน้อยลงแล้ว จะสามารถมีพื้นที่และเวลาที่ใช้ในการก่อสร้างส่วนที่ขาดหายไปอย่างเร่งด่วนที่สุดครับ

สำหรับปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถไฟสายหลัก (รถไฟฉึกฉึก) นั้น ในโอกาสต่อไปจะเขียนบทความในชุด "รถไฟไทยที่อยากให้เป็น ...ในอุดมคติ" กันต่อไปครับ



WORKETA

26 มิ.ย. 2563

ขุดภาพเก่า: สายสีแดงตลิ่งชันสมัยยังใช้ดีเซลรางเดินขบวน Taling Chan Red Line DMU in 2012

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน
    วันนี้ผมขอขุดภาพเก่าๆ สมัยที่รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซ่อน-ตลิ่งชัน สมัยที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ เมื่อ 7 ปีทีแล้วมาชมกันครับ
 皆さんこんにちは。今日は7年前に暫定開業した Bang Son - Taling Chan 間のSRTレッドラインを見ていこうと思います。バンコク近郊区間の鉄道を複々線電化する巨大なプロジェクトであるレッドラインは1990年代から構想が始まって、30年たった2021年にやっと夢がいよいよ実現します。

บทความแนะนำ
"รถไฟฟ้าสายใหม่ ช่วยลดปัญหาการจราจรได้จริงๆ หรือเปล่า"

2 ก.พ. 2562

รถไฟฟ้าสายใหม่ ช่วยลดปัญหาการจราจรได้จริงๆ หรือเปล่า Part 2

หมายเหตุ : โพสต์นี้เขียนเมื่อปี 2019 แต่ได้มีการเพิ่มเติมเนื้อหาในปี 2025

ต่อจากครั้งที่แล้ว : รถไฟฟ้าสายใหม่ ช่วยลดปัญหาการจราจรได้จริงๆ หรือเปล่า

    ว่าด้วยการกระจุกตัวเกินไปในย่านเตาปูน บางซื่อ ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อรถไฟฟ้าเปิดพร้อมกันในปี 2563 ครับ การแก้ปัญหาที่น่าจะทำได้ง่ายที่สุดคือต้องมีรถเสริมรองรับที่เตาปูนครับ ทว่าจะสามารถจัดรถเสริมในตารางเวลาที่หนาแน่นได้หรือเปล่า สมมติว่า...

    รถวิ่งยาวตลอดสาย ทุกๆ 5 นาที
    รถวิ่งเสริมหมดระยะแค่ หัวลำโพง ⇔ เตาปูน ทุกๆ 5 นาที
สองเส้นนี้วิ่งสลับกันจะได้ความถี่ที่ 2.30 นาทีในส่วนที่อยู่ในเมืองครับ

สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้กล่าวไว้ในโพสต์ที่แล้วครับ
ว่าบีทีเอสส่วนต่อขยายทางด้านเหนือ จากหมอชิตถึงปทุมธานีนั้นก็จะเปิดให้บริการในปีติดๆ กันกับทั้งสายสีแดงและน้ำเงินครับ


เท่ากับว่าที่เคยกล่าวไว้ว่า "ผู้โดยสารก็จะต้องมาต่อรถบีทีเอสที่หมอชิตเพื่อเข้าเมืองอีกที" นั้น กลายเป็นว่าเมื่อหมอชิตไม่ใช่ต้นทางอีกต่อไป จะทำให้บีทีเอสหมอชิตเกิดการ Overload จากผู้โดยสารที่มาจากปทุมธานีกับผู้โดยสารใหม่ที่ต่อรถมาจากสายสีน้ำเงินครับ แล้วกว่าจะไปถึงสยาม ผู้โดยสารตามรายทาง อีกทั้งผู้โดยสารจากพญาไทอีก ...ได้เวลาสนุกแล้วสิ




ก็เป็นการตอกย้ำอีกทีว่าปัญหาที่มีตอนนี้ไม่ใช่แค่การจัดการกับปัญหารถไฟฟ้าเข้าเมือง แต่ต้องมีการจัดระเบียบของรถไฟฟ้าภายในตัวเมืองชั้นในเพื่อรองรับการเดินทางเข้าถึงใจกลางเมืองด้วย สิ่งหนึ่งที่ผมกลับไปสนใจคือส่วนต่อขยายของบีทีเอส "สนามกีฬาแห่งชาติ - ยศเส" ซึ่งก็ไม่ได้มีใครพูดถึงมาสักระยะแล้ว ถ้าเราสามารถเชื่อมต่อรถบีทีเอสมาถึงยศเส และเชื่อมสายสีแดงเข้ามาถึงจุดเดียวกันได้นั้น การเดินทางจากรถไฟสายสีแดงเข้าสู่สยามหรือไปทางสีลมจะสะดวกมากๆ เพราะไม่ต้องผ่านสายสุขุมวิทซึ่งจะมีความแน่นมากขึ้นในอนาคต

สุดท้ายนี้ก็ลองฝากให้คิดว่า การสร้างระบบขนส่งมวลชนในระดับนี้จะต้องใช้เวลาพอสมควร และเมื่อรถไฟฟ้าเริ่มให้บริการ ปัญหารถติดจะยังไม่หายไปในทันที จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทีละนิดๆ ที่คนค่อยๆ ทยอยกันไปใช้รถไฟฟ้า หรือคนจะพบว่าการเชื่อมต่อรถไฟฟ้ายังไม่สมบูรณ์ดีแล้วทำให้คนยังไม่กล้าใช้รถไฟฟ้า มาคอยติดตามกันครับ

ผมเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับระบบขนส่งมวลชนโดยตรงครับ ผมเองก็ไม่สามารถที่จะพูดได้เต็มปากเต็มเสียงและก็อาจจะไม่ได้ถูกต้องเสมอไปครับ เป็นเพียงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเท่านั้นครับ

WORKETA (ติดตามทวิตเตอร์ได้ครับ)




เพิ่มเติม : บทความนี้ได้รับการแก้ไขเล็กน้อยในปี 2022

20 ส.ค. 2561

รถไฟฟ้าสายใหม่ ช่วยลดปัญหาการจราจรได้จริงๆ หรือเปล่า

(บทความนี้เขียนเมื่อปี 2018)

สวัสดีครับ
ปีนี้ผมมีเวลาว่างพอที่จะกลับไทยเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนครับ

สถานีรถไฟเตาปูน
รถไฟฟ้าสายสีม่วง

    แล้วก็ได้มีโอกาสตะลุยนั่งรถไฟฟ้า MRTยาวๆ จากหัวลำโพงไปจนถึงเตาปูน และต่อไปจนถึงเกือบๆ สุดสายของรถไฟฟ้าสายสีม่วงครับ (หลังจากที่เห็นตัวรถไฟฟ้าตั้งแต่อยู่ในโรงงาน J-TREC เลย) เข้าไปข้างในก็สัมผัสได้ถึงความเป็นญี่ปุ่น ตั้งแต่ผนังยันขอบหน้าต่าง เอาเป็นว่ามีหลายอย่างที่แตกต่างกับรถไฟฟ้าสไตล์ยุโรปพอสมควรครับ

เข้าเรื่องกันดีกว่า

    วันนี้ผมจะมาพูดถึงแผนการเดินรถไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้ของเรากันเถอะครับ...
    อีกไม่นานเราก็จะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ทยอยกันเปิดให้บริการครับ และหลายๆ คนก็หวังว่าจะเป็นความหวังที่ไม่ต้องเผชิญกับรถติดยาวๆ กันอีก แต่ทีนี้ก็อาจจะต้องเผชิญกับรถไฟฟ้าแน่นไปอีกสักพักแหละครับ
    ประเด็นในวันนี้คือ รถไฟฟ้าเหล่านี้จะสามารถตอบสนองชาวกรุงได้ตามความต้องการหรือเปล่า เราลองมาดูแผนที่รถไฟฟ้ากันครับ


28 พ.ย. 2560

รถไฟสายตัว Q : สายเฉลิมรัชมงคล vs สายโอเอโดะ ep.2

ความเดิมจากตอนที่แล้ว

รถไฟสายโอเอโดะ เดิมทีแล้วเรียกว่ารถไฟฟ้าใต้ดินสายสิบสอง(พูดแล้วก็นึกถึงรถเมล์สายสิบสองที่ผ่านหน้าสตูดิโอเก่าพระนคร...) เดิมทีแล้วไม่ได้เปิดเส้นที่อยู่ในเมืองแบบสายสีน้ำเงินของเราครับ แต่เขาเปิดจากส่วนนอกเมืองก่อน แล้วไปเป็นฟีดให้กับรถไฟสายเอกชน(Seibu Ikebukuro line) ที่สถานี Nerima ครับ
(วิดิโอสมัยปี 1992 จากช่องยูทูบ Lyle Hiroshi Saxon ใครที่อยากเห็นโตเกียวช่วงยุค 90 แนะนำช่องนี้ครับ)
อีกปัจจัยหนึ่งคือการก่อสร้างภายในตัวเมืองนั้นเป็นอะไรที่ลำบากครับ เพราะสาย Oedo เป็นสายที่สร้างหลังๆ จากที่โตเกียวเกือบๆ อัดแน่นไปด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินสายอื่นๆ ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สายโอเอโดะมีจุดต่ำสุดจากผิวดินลึกถึง 42 เมตรเลยทีเดียวครับ (แต่ญี่ปุ่นมีลึกกว่านี้ครับ ไว้วันหลัง)

...เรามาต่อกันเรื่องสาย Oedo line ว่าทำไมมันถึงไม่วิ่งเป็นวงกลมครบรอบเสียที
ปัญหาของมันก็อยู่สถานีที่ลูปมาบรรจบกัน "Tochomae (E-28)" นี่แหละครับ เพราะว่าหัวขบวนกับท้ายขบวนมันกลับหัวกัน!!

แล้วเราก็จะพูดว่า รถไฟฟ้าหัวขบวนท้ายขบวนยังไงมันก็เหมือนกันป่ะ...
เราก็อาจจะพูดได้ แต่ในบางกรณี รถไฟฟ้าไม่ได้มีโครงสร้างที่มีความสมมาตรตลอดขบวนได้เสมอไป(โดยเฉพาะตำแหน่งของแพนโตกราฟ) ผู้โดยสารอาจจะไม่ได้สับสนอะไรหรอก แต่การกลับหัวหลับหางทำให้มีปัญหาตอนซ่อมบำรุงก็ได้ครับ...




 สถานี Tochomae นั้นเป็นสถานีที่ทั้งสี่ชานชาลาอยู่ในแนวระดับเดียวกัน(ใต้ดิน) ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนต่อขบวนรถด้วยครับ แต่ปัญหาก็คือจะทำให้รถกลับหัวกลับหางกันอย่างที่กล่าวไปข้างต้นครับ อีกส่วนหนึ่งก็คือเป็นการลดค่าใช้จ่ายและเพื่อความเรียบง่ายของแบบสถานีครับ
ตัวอย่างหัวรถจักรดีเซลหัวเดียว แม้ว่าหน้าทั้งสองหน้าจะเหมือนกัน แต่ก็จะมีเลขกำกับไว้ว่า หัวขับหมายเลข 1 หรือ 2 ไว้เสมอครับ เพราะฉะนั้นจะกลับหัวไปกลับหัวมาไม่ได้ เดี๋ยวรถจักรจะเวียนหัวครับ..?!
เรามาเปรียบเทียบกับสถานีท่าพระที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้กันครับ ชั้นบนเป็นชานชาลาเกาะกลาง รถที่วนมาจากเตาปูนจะสามารถเข้าได้ทั้งสองชานชาลาครับ
ส่วนชั้นล่างที่เป็นเส้นบางแค-หัวลำโพงนั้นจะเป็นชานชาลาแบบคู่(แยกกันระหว่างขาเข้าขาออก) ถ้าเทียบกับสถานี Tochomae แล้วอาจจะต่อรถลำบากเพราะยังไงก็ตามต้องเดินขึ้นลงบันได แต่เท่าที่ดูแล้วไม่น่าจะมีการชนกันระหว่างเส้นทางผู้โดยสาร (แต่ก็อาจจะมีการกระจุกกันของผู้โดยสารบริเวณตอนกลางของชานชาลา ซึ่งไทยเรารถไฟฟ้ายังไม่ยาวเท่าไหร่ก็อาจจะไม่รู้สึกว่าตอนกลางแน่นกว่าตอนอื่น เพราะมันแน่นไปหมดสามตู้)
แล้วเส้นสีแดงที่เชื่อมระหว่างสายเตาปูนและสายหัวลำโพงคืออะไรนี่...
ตอนแรกผมก็งงๆ แต่เมื่อลองดูจากแผนที่ทางอากาศก็พบว่าเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดครับ ที่เรากล่าวถึงมาโดยตลอดเรื่องรถไฟกลับหัว ปัญหานั้นจะไม่เกิดขึ้นกับสายสีน้ำเงินของเราครับ จะเห็นว่าเส้นที่เชื่อมสองสายเข้าด้วยกันนี้จะต้องให้รถไฟที่มาจากเตาปูนวิ่งเลยจากชานชาลาไป พอเลยชานชาลาและประแจสีแดงแล้วจะถอยหลังเปลี่ยนทิศทาง (switchback) แล้วเข้าสู่สายบางแคครับ เส้นนี้จะทำให้รถไฟไม่เกิดการกลับหัวกลับหางขึ้น แต่เส้นนี้จะใช้สำหรับเฉพาะรถเปล่าครับ

(ขออนุญาตนำภาพจาก Render Thailand มาประกอบครับ)
ด้วยทางรถไฟสายนี้สร้างลอยฟ้าตามแนวถนน โครงสร้างนี้ก็คงเป็นโครงสร้างที่ออกแบบได้เหมาะสมครับ

สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ ครั้งหน้าถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาเรียบเรียงให้อ่านกันครับ
WORKETA

27 ก.ค. 2560

รถไฟสายตัว Q : สายเฉลิมรัชมงคล vs สายโอเอโดะ ep.1

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน
⇐ โพสต์ก่อนหน้านี้ /// โพสต์ถัดไป ⇒

นานๆ จะได้กลับมาที่ไทยปีละครั้งครับ
ผมเองไม่ใช่คนฝั่งธนบุรีก็จริง แต่ก็ได้มีโอกาสติดตามการก่อสร้างของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือสายเฉลิมรัชมงคลครับ เท่าที่ผมจำความได้ก็จะมีการก่อสร้างส่วนใต้ดินแถวๆ ย่านพาหุรัด สนามไชย และทางรถไฟลอยฟ้าบางช่วงของจรัญสนิทวงค์ ซึ่งลอยฟ้ากับแบบสูงข้ามทางรถยนต์ยกระดับเดิมมากเลยทีเดียว

เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วเอกลักษณ์หนึ่งของทางรถไฟสายนี้คือการมีเส้นทางเหมือนกับเป็นวงกลมจากท่าพระ มุดใด้ตินแล้วลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยามาถึงสนามไชย ผ่านเยาวราช ไปถึงเส้นทางเดิมคือหัวลำโพง สีลม ห้วยขวาง บางซื่อ เตาปูน ข้ามแม่น้ำอีกครั้ง (ตรงนี้จำเส้นทางไม่ได้) แล้วไปทางจรัญ จากนั้นวนไปถึงท่าพระ และมีหางจากท่าพระ ไปถึงบางแค เมื่่อลองเขียนแล้วจะเหมือนกับตัวอักษร Q ที่กลับด้านหรือไม่ก็เลข 9 ครับ
เพราะฉะนั้นรถไฟสายนี้จะไม่ได้วิ่งเป็นวงกลมที่สมบูรณ์แบบ แต่จะวิ่งในลักษณะของการเขียนเลข 9 แบบลากเส้นเส้นเดียว รถไฟจะวิ่งจาก บางแค ท่าพระ หัวลำโพง ห้วยขวาง บางซื่อ ท่าพระ ครับ และจะไม่มีการวิ่งเป็นวงกลมปิดเกิดขึ้นเลย เท่ากับว่าถ้าขึ้นจากบางแค บางหว้า แล้วต้องการไปทางบางซื่อ ก็จะมีสองทางคือเปลี่ยนรถที่ท่าพระ หรือจะหลับยาว แต่จะต้องอ้อมไปทางสีลม ห้วยขวาง ซึ่งก็หลับยาวจริงๆ

ซึ่งรถไฟสายนี้ก็จะคล้ายกับทางรถไฟในโตเกียวสาย 12 ซึ่งก็คือ "Toei (บริหารโดยเทศบาลนครโตเกียว) Oedo line" มีต้นทางจาก Hikarigaoka (E-38) ไปจนถึงศาลาว่าการกรุงโตเกียว (Tochomae E-28) แล้วแยกไปที่ชินจุกุ (E-27) รปปองกิ(E-23) วนจากใต้ขึ้นเหนือ แล้วมาที่ชินจุกุทางออกตะวันตก (Shinjuku-Nishiguchi E-01) ก่อนจะวกกลับไปบรรจบที่ Tochomae (E-28) เป็นสุดสาย
ถ้าเรียงแล้วก็จะเหมือนกับว่ารถไฟวนจากเลข 01 ไป 38 จะมีเพียงตอนสุดท้ายที่เลข 01 แล้วกระโดดไปสุดสาย 28 แต่มันจะไม่ไปต่อ 29 เป็นอันขาด



ถ้าจะถามว่าลักษณะการวิ่งนั้นเหมือนกันหรือไม่ ผมก็เขียนแมพครั้งเดียวแล้วสามารถก็อปวางได้ทั้งสองสายเลย...
ทว่ารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินของเรานั้นเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะวิ่งทั้งยกระดับและใต้ดิน ทั้งนี้เองกรุงเทพฯ ไม่ได้มีชั้นดินที่เหมาะกับรถไฟใต้ดินเท่าไหร่นัก(เขาว่ากันว่า?) ประกอบกับทางรถไฟใต้ดินมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้เรานิยมการทำรถไฟลอยฟ้าเสียมากกว่า แต่สาย Oedo line ที่ผมพูดถึงในวันนี้ เป็นรถไฟใต้ดินตลอดสาย 38 สถานี รวมความยาว 43.6 กิโลเมตร นี่ทำให้เป็นอุโมงค์ที่ยาวเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น และรถไฟสายนี้ลอดผ่านทั้งแม่น้ำต่างๆ รวมถึงมุดใต้ทางรถไฟใต้ดินที่มีอยู่เดิม สถานีที่ลึกที่สุดนั้นลึกจากผิวดินถึง 40 เมตรเลยทีเดียว

นั่นทำให้รถไฟฟ้าสายนี้มีค่าก่อสร้างที่สูงดิ่งฟ้าเลยทีเดียว ได้มีการพยายามลดค่าใช้จ่ายโดยการทำให้รถมีขนาดเล็กลง ใช้มอเตอร์แบบลิเนียร์ให้ช่วงล่างมีขนาดเล็กลงด้วย ทำให้หน้าตัดอุโมงค์เล็กลง
แต่สุดท้ายค่าก่อสร้างก็ตกอยู่ที่ประมาณกิโลละ หนึ่งหมื่นล้านบาท หรือรวมค่าก่อสร้างทั้งหมด สี่แสนกว่าล้านบาท

รถไฟสายที่เหมือนกับว่าจะเป็นวงกลม แต่ก็ไม่เคยจะวิ่งเป็นวงกลมจริงๆ สักที? กลายเป็นว่าคนที่อยู่บางแค ต้องการไปบางซื่อ ก็ต้องเปลี่ยนรถที่ท่าพระทุกวัน ใช่ ใครๆ ก็อยากนั่งต่อเดียวถึงใช่ไหมละ...

แต่เรามาลองคิดดูกันในครั้งหน้าครับ มันมีอยู่เหตุผลหนึ่งที่รถไฟวิ่งลูปตัว Q ไม่ได้ครับ ลองเขียน "หัวลูกศร" ดูครับ


WORKETA
worketadirect (at) gmail.com

ภาพจาก https://trafficnews.jp/post/76823/