20 ต.ค. 2568

1 นาทีก่อนนั่งรถไฟ JR ครบทั้งประเทศญี่ปุ่น

2 มีนาคม 2567 ก่อนบ่ายนิดๆ ...
1 นาที ก่อนนั่งรถไฟ JR ครบทั้งประเทศญี่ปุ่น
Japan Railways Wide Map (ประมาณปี 2019)

    โครงข่ายระบบรางในประเทศญี่ปุ่นมีระยะทางรวมกันมากถึง 28,000 กิโลเมตร ในนั้นจะแบ่งได้สองกลุ่มใหญ่ๆ คือ Japan Railways (JR) กับ รถไฟเอกชนอื่นๆ โดย JR เพียงอย่างเดียวมีระยะทางรวมทั้งหมดประมาณ 19,000 กิโลเมตร

    ถ้าพูดจริงๆ สถานะปัจจุบันของ JR ก็เกือบเป็นเอกชนเต็มตัว แต่ด้วยความที่ภูมิเดิมของ JR คือ Japanese National Railways (JNR) ที่เชื่อมต่อกันทั้งประเทศ และแยกตัวออกมาเป็น 6 ภูมิภาค และเดินรถสินค้า (JRF) ในปี 1987 ทุกวันนี้ก็ยังมี Japan Rail Pass ที่ใช้ได้กับ JR ทั้งประเทศ เราเลยมักแยก JR กับรถไฟเอกชนอื่นๆ ออกจากกัน

เรียนญี่ปุ่น 10 ปี ... (อ่านเรื่องเต็มได้ที่นี่)

    ระหว่างปี 2013 จนถึงปี 2024 ผมเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลาทั้งหมด 10 ปีครึ่ง รถไฟก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากมาญี่ปุ่นตั้งแต่แรก แต่งานอดิเรกรถไฟก็มีหลายประเภท ตอนนั้นก็ไม่ได้ชอบการนั่งรถไฟขนาดนั้น ชอบถ่ายรูปรถไฟ ชอบอะไรที่เกี่ยวกับตัวรถไฟมากกว่า มีบางครั้งที่นั่งรถไฟชมวิวรอบโตเกียวบ้าง...

Greater Tokyo Area ที่มีระบบการคิดค่าโดยแบบไม่ขึ้นกับเส้นทางระหว่างทาง

    โครงข่ายรถไฟ JR ในโตเกียวและปริมณฑลนั้นซับซ้อน เชื่อมเป็นวงกันไปหมด แม้แต่คนญี่ปุ่นก็งง เขาเลยออกกฎการคำนวณค่าโดยสารรถไฟ JR ในโตเกียวและปริมณฑลว่า ให้คิดจากระยะทางที่สั้นที่สุดจากสถานี A ไป B สมมติว่านั่งรถไฟจาก Shibuya ไป Shinjuku ก็นั่ง Yamanote Line ตรงๆ เพียง 4 สถานี หรือจะวิ่งวงกลมคนละฝั่งอ้อมไปทาง Shinagawa / Ueno ชมวิว 26 สถานีก็ได้ เขาก็คิดตังแค่ระยะ 4 สถานี ไม่มีการกำหนดเวลา หรือจะบ้าหน่อย จาก Shibuya ออกไปถึง Kawasaki แล้วนั่งรถไฟชานเมืองวงแหวนรอบนอก Nambu Line จนถึง Tachikawa แล้วต่อ Chuo Line Rapid กลับมา Shinjuku เขาก็ยังคิดค่าโดยสารแค่ 4 สถานีเท่านั้น

นั่งอ้อมเท่าไหร่ก็คิดแค่ระยะสั้นสุด ก็นั่งชมวิวทั่วเมืองเลยสิครับรออะไร !!!

JR Musashio line

    กับบางครั้งเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ๆ นั่งมองแผนที่เส้นทางรถไฟแล้วเจอเห็นสายอ้อมๆ อีกสายก็ถึงไปได้เหมือนกัน เลยลองวางแผนเที่ยวที่ขาไปกับขากลับนั่งรถไฟคนละเส้นทางกันบ้าง ก็เริ่มสะสมไมล์มาตั้งแต่ตอนนั้น... แต่ไม่เคยตั้งใจสะสมไมล์จริงจัง แค่อยากสำรวจเส้นทางใหม่ๆ เท่านั้น

JR Joetsu line Minakami Station (2014)


    4 ปีแรกผมเรียนที่โตเกียว จากนั้นผมไปเรียนต่อที่ Fukuoka ในภูมิภาค Kyushu ซึ่งก็ห่างจากโตเกียวมากพอสมควร ตอนนั้นผมก็เริ่มคิดว่าถ้าย้ายไป Fukuoka แล้วจะมาเที่ยวรอบๆ โตเกียวได้ยากขึ้น ตอนนั้นเลยเริ่มเก็บไมล์พวกเส้นทางรถไฟที่ใกล้ๆ โตเกียว นั่นเป็นครั้งแรกที่ใช้ตั๋ว Seishun 18 Ticket ที่นั่งได้แต่รถไฟธรรมดา&รถเร็ว นั่งไปไกลถึง Iida Line ในหุบเขาของจังหวัด Aichi, Shizuoka, Nagano



JR Iida Line Local Train Journey Takes 7 hours and 94 Stations

    สุดท้ายก็ไม่ได้นั่งจนครบทั้งรอบโตเกียว และตอนนั้นก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าจะนั่งรถไฟให้ทั่วทั้งญี่ปุ่น

    แต่การได้ย้ายไป Kyushu เป็นการเปิดโลกกว้างให้กับตัวเอง เพราะไม่ใช่แค่ได้เปิดสถานที่ใหม่ สักพักนึงเมื่อคิดถึงโตเกียว อยากกลับไปหาเพื่อนที่โตเกียว ก็อยากลองนั่งรถไฟจาก Kyushu ไปโตเกียว นั่งรถนอน Sunrise Express บ้าง บางทีก็ใช้ตั๋ว Seishun 18 Ticket นั่งรถธรรมดาแวะระหว่างทางไปเรื่อย


สถานีรถไฟปลายทางที่อยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น Makurazaki sta. จังหวัดคาโกชิมะ


Sunrise Express

    อีกอย่างหนึ่งคือตอนที่ผมอยู่โตเกียวนั้นผมยังเป็นเด็ก ม.ปลาย เลยไม่สามารถไปเที่ยวค้างคืนไกลๆ ได้ เมื่อเป็นเด็กมหาลัยแล้วจึงปลดล็อก เริ่มไปค้างคืนหลายๆ ที่

    กุมภาพันธ์ 2020 ปิดเทอมฤดูหนาวพอดีเลยไปเที่ยวฮอกไกโดครั้งแรก ตอนนั้นมีทางรถไฟสาย Sassho line กำลังจะถูกยกเลิกบางส่วน จึงได้มีโอกาสไปนั่งส่งท้าย ถือว่าโชคดีมากในตอนนั้น เนื่องจากแผนการยกเลิกเดิมคือพฤษภาคม 2020 แต่เพราะสถานการณ์โรคระบาด เลยถูกปิดไปโดยปริยายตั้งแต่เมษายน...




สถานี Shin-totsukawa station ในฮอกไกโด ถูกยกเลิกไปเมื่อปี 2020

   พูดถึงเรื่องทางรถไฟที่ถูกยกเลิก ในแต่ละปีชนบทญี่ปุ่นจะมีทางรถไฟที่ถูกยกเลิกไปทีละเส้นๆ ก็เข้าใจได้เพราะประชากรในชนบทของญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง ตลอด 10 ปีที่อยู่ในญี่ปุ่นก็ได้เห็นเส้นทางรถไฟหลายสายถูกยกเลิกไป แต่ผมก็ไม่ได้มีเวลาไปตามเก็บแต่ละสาย แอบเสียดายเล็กๆ เหมือนกัน


coวิด-19 ... พลิกวิกฤติเป็นโอกาส


    ตอนนั้น coวิด-19 ทำให้เราถูกจำกัดการเดินทาง ผมเองก็ไม่ได้กลับไทยเป็นเวลา 3 ปีเต็ม แต่จริงๆ ช่วงนั้นกลับเป็นนาทีทอง เพราะมีช่วงที่สถานการณ์เบา แต่ก็ยังไม่มีนักท่องเที่ยวทำให้เศรษฐกิจซบเซามาก ราคาของที่พักลดฮวบ รัฐบาลญี่ปุ่นก็พยายามผลักดันให้คนออกมาเที่ยวในประเทศ ออกนโยบายสนับสนุนต่างๆ (แม้ว่าจะมี conflict ว่าเป็นการส่งเสริมให้เพิ่มการระบาดในบางระลอก บลาๆๆ) เช่น Gift Voucher หรือแม้แต่ Free Pass ที่มีราคาถูกมาก แม้แต่การปล่อย Free Pass บางตัวที่ใช้ได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในญี่ปุ่นใช้ได้ด้วยเช่นกัน


สถานีรถไฟ Ise-Okitsu ในจังหวัด Mie (มิเอะ)
ปกติไม่มีคนอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีคนเลยในตอนนั้น

สถานีรถไฟ Nagato-shi จังหวัด Yamaguchi


    ผมจึงใช้โอกาสนี้ไปเที่ยวเพื่อนั่งรถไฟเก็บเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นภายในคิวชูหรือทางตะวันตก ผมสามารถเก็บ JR Kyushu ได้ครบในช่วงหน้าร้อนปี 2020 ตามด้วย JR West ในช่วงใบไม้ผลิปี 2021 JR Shikoku ในหน้าร้อน และ JR Central ในช่วงปลายปี 2021


สถานีรถไฟ Bingo-Ochiai ในหุบเขาของจังหวัด Hiroshima
แทบไม่มีคนใช้บริการ แต่จะมีช่วงเวลาสั้นๆ ตอนบ่ายสองที่มีรถไฟจอดเรียงกันสามขบวน


    ผมเรียน ป.ตรี จบเมื่อเดือนมีนาคม 2022 ในตอนนั้นผมนั่ง JR ไปได้คิดเป็นระยะทาง 80% ของทั้งหมด อีก 20% ที่เหลือเหมือนจะง่าย แต่คราวนี้โคตรหิน เพราะเหลือฝั่ง Hokkaido กับ East Japan เป็นส่วนใหญ่ เพียงแค่เดินทางจาก Kyushu เพื่อมาฝั่งตะวันออก ก็เสียเวลาและค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก


    ทำให้บางทีก็ย้อนกลับไปถามตัวเองว่า ทำไมตอนอยู่โตเกียวไม่นั่งรถไฟให้เยอะกว่านี้ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพื่อกลับมาซ้ำๆ ที่เดิมอีก แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะตอนนั้นยังไม่ได้อินกับการนั่งรถไฟเที่ยว ไม่เคยคิดอยากนั่งให้ครบ และยังไม่กล้าพอที่จะเที่ยวค้างคืนคนเดียวตอนเป็นเด็ก ม.ปลาย


    จริงๆ เขาก็ไม่ได้มีประกาศนียบัตร รางวัล หรือปลดล็อกไอเทมรถไฟทองคำอะไรเลยว่านั่งรถไฟครบทั้งญี่ปุ่นแล้ว ฉะนั้นผมก็ไม่จำเป็นจะต้องนั่งรถไฟให้ครบทั้งประเทศญี่ปุ่นหรอก

    แต่ก็มาถึงขนาดนี้แล้วจะปล่อยทิ้งไว้ก็เสียดาย จึงวางแผนไปเรื่อยๆ เก็บให้ได้มากที่สุดเท่าที่มีวันหยุดในมหาลัย ในขณะเดียวกันก็พยายามไม่ให้ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวบานปลายไปมากกว่านี้


เหลือ Hokkaido หรือ East Japan ไว้เป็นภาคสุดท้าย...

    ฮอกไกโดเป็นดินแดนอันกว้างใหญ่และรถไฟมีน้อย คนญี่ปุ่นเองก็บอกว่านั่งรถไฟครบฮอกไกโดนั้นท้าทาย แต่จริงๆ ถ้าวางแผนดีๆ ก็ใช้เวลาไม่นานมาก ผมเลยตัดสินใจเก็บ Hokkaido ให้จบเสียก่อน แล้วเหลือ East Japan โดยเฉพาะ Tohoku ไว้ปิดท้าย ช่วงปี 2020-22 ได้ไปเที่ยวฮอกไกโดประมาณสองครั้งก็ได้เก็บไปบางส่วน และเก็บส่วนสุดท้ายคือ Nemuro ที่อยู่ตะวันออกสุดๆ ของฮอกไกโดในช่วงเดือน พ.ย. 2023 ก่อนวันสุดท้ายบังเอิญหิมะตกพอดี แต่สมกับเป็นฮอกไกโด รถไฟฮอกไกโดไม่ท้อถอยแม้วันที่หิมะตกหนาเป็นสิบเซนติเมตร

รถไฟเที่ยวแรกของสถานี Takikawa, Hokkaido

    ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ภูมิภาค Tohoku ซึ่งความจริงคือ Tohoku มีเส้นทางรถไฟซับซ้อนกว่า Hokkaido เพราะแยกออกมาเป็นแฉกๆ ทำให้ต้องคิดว่าจะนั่งยังไงให้ใช้เวลาน้อยที่สุด ไม่ต้องนั่งซ้ำไปซ้ำมา และไม่ต้องเปลี่ยนที่พักบ่อยๆ

    แต่ตอนนั้นผมต้องเตรียม Thesis ป.โท ด้วย ผมจึงพักเรื่องเที่ยวไว้ก่อน แล้วหลังทำ Thesis จบช่วงปลายเดือนกุมภา - ต้นมีนา ค่อยว่ากัน (ซึ่งจริงๆ ตอนนั้นก็ยุ่งเรื่องเตรียมกลับประเทศไทยนะ แต่เลือกแล้วว่าเป็นเวลาที่เหมาะที่สุด...)



การเดินทางเที่ยวสุดท้าย...


    28 กุมภาพันธ์ 2567

    ผมต้องเริ่มคิดตั้งแต่การเดินทางจาก Kyushu ไป Tohoku ซึ่งจริงๆ จะหาสายการบินในประเทศก็ได้ แต่อะไรสักอย่างดลใจให้ผมนั่งรถนอน Sunrise ไปจนถึงโตเกียว เมื่อถึงโตเกียวตอนเจ็ดโมงเช้าก็พักสักนิด แล้วนั่งรถไฟชินคันเซ็น+รถไฟธรรมดาต่อไปเรื่อยจนถึง Aomori โดยแผนของผมคือเก็บทางรถไฟที่ยังไม่เคยนั่งลงมาเรื่อยๆ จาก Aomori Morioka จนถึง Miyagi

    29 กุมภาพันธ์ 2567

    ทว่าหิมะตกหนักสะสมตั้งแต่วันก่อน รถไฟในจังหวัด Aomori เกือบจะหยุดวิ่ง เตรียมใจไว้แล้วเหมือนกันว่าถ้าไม่สำเร็จก็คงต้องยอม แต่โชคก็เข้าข้างในวันพิเศษที่ 4 ปีมี 1 ครั้ง รถไฟเปิดให้บริการตามปกติในเช้าวันนั้นพอดี มีเส้นทางสาย Sanriku Railway บางส่วนที่ถูกปิดเพราะยังเคลียร์หิมะไม่หมด แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้เป็น JR Line สายเอกชนไว้เป็นโบนัส

JR Hachinohe line หลังจากหิมะตกหนัก เห็นว่าหิมะเกาะเต็มหลังคารถไฟเลย

    1 มีนาคม 2567

    เก็บสาย JR ในจังหวัด Morioka จนหมด

Yamada line หิมะตกหนักจนมิดสันราง


    2 มีนาคม 2567

    ตอนแรกก็ลังเลใจอยู่สักพักว่าสายไหนจะเป็นสายสุดท้าย แต่ก็มาเจอกับ JR Ishinomaki line ช่วง Ishinomaki กับ Onagawa ในจังหวัด Miyagi ซึ่งจริงๆ ผมเคยมาเที่ยว Ishinomaki ตอนอยู่ ม.ปลาย ตอนนั้นเป็นจุดที่ตัวเองกล้าเดินทางคนเดียวได้ไกลที่สุดแล้วในขณะนั้น


    Ishinomaki และ Onagawa เป็นหนึ่งในเมืองท่าของจังหวัด Miyagi ที่ได้รับความเสียหายหนักเมื่อปี 2011 แต่ก็กลับมาฟื้นฟูได้ ทำให้ผมมีความสนใจใน Tohoku ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งตอนนั้นก็อยากลองไปทั้ง Ishinomaki และ Onagawa แต่เพราะเวลารถไฟไม่ลงตัว เลยไปแค่ Ishinomaki เหลือ Onagawa ค้างไว้

Ishinomaki Station เมื่อปี 2017
แรงบันดาลใจที่อยากไปในตอนนั้นคือยากไปดูรถดีเซลรางไฮบริด (HB-E210)

    ถ้าจะบอกว่า Ishinomaki เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากนั่งรถไฟเที่ยว ก็แปลกใจเหมือนกันว่าเส้นชัยในการนั่งรถไฟเที่ยวทั่วญี่ปุ่นของเรานั้น กลับมาใกล้ๆ จุดเริ่มต้นนี่เอง...


Maeyachi station - ถ่ายก่อนนั่งรถไฟขบวนสุดท้ายประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ

    ทางรถไฟหลายสายใน Tohoku ได้รับความเสียหายอย่างหนักเมื่อปี 2011 มีสายที่โชคดีที่ได้รับการฟื้นฟู แต่บางสายก็โชคไม่ดีถูกละทื้งไป สายที่ได้

2 มีนาคม 2567 - เที่ยงสี่สิบเก้านาที


    ก่อนถึงสถานี Onagawa รถไฟวิ่งเลียบอ่าวเล็กๆ เห็นทะเลด้านหน้า เนินเขาอยู่ข้างหลัง เป็นภาพที่ดูแล้วสงบมาก แต่ก็มีพลังมาก เมืองที่เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักจากภัยธรรมชาติ ได้รับการฟื้นฟูและกลับมามีสีสันเหมือนเดิม วันที่ผ่านๆ มาฝนตกหิมะตกสภาพอากาศแปรปรวน แต่วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส การเดินทางตลอด 10 ปีที่ผ่านมาก็เจอวันที่แปรปรวนมามากมาย และในอีก 1 นาทีการเดินทางล่าฝันอันยาวนานกำลังจะถึงสถานีปลายทางแล้ว…


สถานีรถไฟ Onagawa


จากหน้าสถานี Onagawa เป็นถนนตรงไปจนเห็นทะเล ยืนมองทะเลและท้องฟ้าที่สดใสมากๆ ในตอนนั้นแล้วพูดในใจกับตัวเองว่าเราทำมันสำเร็จแล้ว

    อย่างที่บอกไป ไม่มีรางวัลอย่างเป็นทางการอะไรสำหรับคนที่ "ประกาศตัวเอง" ว่านั่งรถไฟ JR ครบทั้งประเทศแล้ว หรือแม้แต่คนที่รับรองได้จริงๆ ว่า "นั่งรถไฟครบแล้ว" ถ้าจะตะโกนตรงนั้นก็คงโดนคนมองว่าบ้า คงได้เพียงแต่เก็บความทรงจำนี้ไว้ในใจ


ทางรถไฟชินคันเซ็นสายใหม่ - Hokuriku Shinkansen

    ให้หลังจากนั้นสองสัปดาห์ 16 มีนาคม 2567 Hokuriku Shinkansen ได้ขยายเส้นทางจาก Kanazawa ไปยัง Tsuruga ซึ่งผมเหลือเวลาอีกเพียง 10 วันก่อนที่จะบินกลับไทยอย่างถาวร ผมก็คิดหนักเหมือนกันว่าผมจะต้องเก็บ Hokuriku Shinkansen ด้วยหรือไม่ เพราะเมื่อผมนั่ง JR ครบไปแล้วตั้งแต่ก่อน Hokuriku Shinkansen จะเปิด ถือว่าผมได้นั่งครบแล้ว ณ เวลานั้น ก็ไม่จำเป็นต้องไปนั่งเพิ่ม...



แต่สุดท้ายผมก็... จัดไปจนได้ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ คือ 16 มีนาคมนั้นเลย... (จัดจริงๆ)


    บางคนอาจจะมองว่างานอดิเรกบางอย่างก็เป็นอะไรที่บ้าคลั่งหรือท้าทาย แต่เมื่อเราทำอะไรสักอย่างจนสำเร็จร้อยเปอร์เซนต์ มันก็เป็นความภาคภูมิใจในตัวเรา ประกอบกับประสบการณ์ที่เก็บมาตลอดทางนั้นมีค่าอย่างยิ่ง เพราะทางรถไฟบางเส้นก็คงไม่มีเขียนไว้ในหนังสือนำเที่ยวที่ไหนเลย...


WORKETA

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น