13 มิ.ย. 2561

แสงอรุณ : รถนอนขบวนสุดท้ายของญี่ปุ่น Sunrise Exress

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน
นึกถึงรถนอนญี่ปุ่น นึกถึงอะไร...

รถนอนมือสองญี่ปุ่นที่นำเข้ามาไทย อาจจะเคยได้ยินหรือเคยนั่งบ้าง ที่เราเรียกกันว่า"บลูเทรน" เพราะดั้งเดิมมันทาสีน้ำเงิน ตัวรถใหญ่กว่าตู้โดยสารที่รถไฟไทยเรามีอยู่ บางทีมันก็ดูโดนเด่นและแตกต่างจากตู้อื่น
หลังจากที่เราซื้อตู้ใหม่สเตนเลสวิ๊งๆ มา 9 ชุดขบวน ตู้ญี่ปุ่นก็เหมือนกับว่าเลือนลางออกไป เหลือเพียงแค่รถพิเศษช่วงเทศกาล นั่นก็เป็นไปตามสังขารเพราะตู้ญี่ปุ่นจริงๆ อายุการใช้งานของมันก็ผ่านมาพอสมควรนั่นแหละครับ
ว่าด้วยหัวข้อวันนี้ รถนอนญี่ปุ่นที่ยังเหลืออยู่ โครงข่ายชินคันเซ็นของญี่ปุ่นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนหันไปใช้ชินคันเซ็นกันหมด หรือบางทีก็เครื่องบิน... บางคนอาจจะคิดว่าถ้าใช้รถนอนก็ออกเดินทางกลางคืน นอนบนรถไฟ ถึงเช้าวันรุ่งขึ้น สะดวกสบายกว่าด้วยซ้ำไป แต่ข้อเสียหลักๆ ของรถนอนญี่ปุ่นคือ ค่าโดยสารคือค่าตั๋วชินคันเซ็นแบบจองที่นั่ง แล้วเพิ่มค่าที่นอนเข้าไปอีกหลายพันเยน หาเครื่องบินถูกๆ แล้วนอนโรงแรมถูกๆ ยังคุ้มกว่า(เพราะนอนโรงแรมจะดื่มถึงดึกๆแล้วค่อยเช็คอินก็ได้ ถ้าดื่มเพลินอาจจะตกรถไฟน่ะสิ...)
การแข่งขันกับรถนอนในญี่ปุ่นมันสูง ยังไม่รวมว่ามีรถบัสทางด่วนข้ามคืน ราคาถูกๆ ที่นั่งๆ นอนๆ พอได้ ทำให้รถนอนค่อยๆ เลือนหายไปจากตารางเวลาของญี่ปุ่น
ผมมาเมื่อปี 2556 ยังเหลือรถนอนอยู่พอสมควร อันได้แก่ Akebono(ภาพบนสุด), Hokutosei, Twilight, Cassiopeia, Hamanasu, Sunrise รถนอนส่วนใหญ่วิ่งไปทางภาคเหนือ หรือฮอกไกโด ส่วน Sunrise เป็นรถนอนไปทางภาคตะวันตกเพียงสองขบวนที่หลงเหลืออยู่ (แบบหวาดเสียวว่ายังอยู่รอด...)
รถนอนสายเหนือถูกยกเลิกหมดเพราะชินคันเซ็นขยายเส้นทางไปขึ้นเกาะฮอกไกโด แต่ก็ยังเหลือ Sunrise อยู่ดี...
Sunrise Express ออกจากสถานีโตเกียวสี่ทุ่มตรงทุกวัน
กล่าวบทนำมาย๊าวววยาว เข้าเรื่องกันเถอะครับ เรามาพูดถึงรถนอน Sunrise Seto, Sunrise Izumo ที่ยังเหลืออยู่สองขบวนสุดท้าย กันเถอะครับ
เดิมที่เคยเป็นรถนอนบลูเทรน Seto ข้ามเกาะชิโกกุไปถึงจังหวัดคากะวะ สุดสายที่ Takamatsu / Izumo อ้อมไปทางฝั่งทะเลญี่ปุ่น (หรือเรียกว่า San-in) ไปถึง Izumo-shi จากรถนอนที่ใช้หัวรถจักรลาก ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นรถนอนรุ่นใหม่แบบ EMU เมื่อปี 2541 ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนหัวจักร หรือสามารถพ่วงกันสองขบวนแล้วไปแยกกันกลางทางได้ นอกจากนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนภายในหลายๆ อย่างจากบลูเทรน ถ้าใครที่เคยขึ้นบลูเทรนจะเห็นว่าเตียงของมันเป็นแบบหันหน้าเข้าหากันกลุ่มละ 4 คน และตู้ชั้นหนึ่งจะเป็นห้องเดี่ยว ส่วน Sunrise Express นั้นใช้โครงสร้างรถไฟสองชั้นทำให้สามารถเพิ่มจำนวนห้องเดี่ยวได้ จะมีทั้งห้องเดี่ยวแบบประหยัด(Solo) ห้องเดี่ยว(Single) ห้องเดี่ยวดีลักซ์(Single deluxe...ทำไมชื่อเหมือนหน้าพิซซ่า) ห้องคู่(Twin)ด้วย นอกจากนั้นยังมีแบบนอนพื้นราบที่เรียกว่า Nobi Nobi seat ซึ่งจะเป็นสไตล์เหมือนนอนพื้นญี่ปุ่น(แข็งๆ นิดนึง) ข้อดีคือราคาถูก เอาไว้แบบแค่นอนเฉยๆก็เพียงพอ
แผนที่ สีแดงคือ Sunrise Seto / Izumo ส่วนสีน้ำเงินคือ Shinkansen ครับ

สำหรับรถไฟ 7 ตู้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นที่นอนแบบ Single ซึ่งให้ความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่งทีเดียวครับ ผมเองก็ใช้โอกาสนี้ในการเดินทางคนเดียวโดยห้องนอนแบบ single ครับ
ตู้นอนเป็นตู้แบบสองชั้นครับ ชั้นบนจะมีหลังคาโค้ง อาจจะทำให้รู้สึกเตี้ยนิดนึงครับ ผมเองสูง 185 เซนติเมตรก็เกือบๆ จะชนทางเดินชั้นบนครับ แต่ตัวห้องนอนเองไม่ได้แคบเกินไป พอที่จะขยับเนื้อขยับตัวได้อยู่ครับ
ห้องนอนเดี่ยวมาตรฐาน Single ครับ เดินทางคนเดียวก็สะดวกครับ

รถไฟขบวนนี้ออกจากโตเกียวสี่ทุ่ม ถึงสถานีหลักๆ ได้แก่ฮิเมจิตีห้าครึ่ง โอคะยะมะหกโมงครึ่ง เกาะชิโกกุเจ็ดโมงครึ่ง ส่วนIzumoค่อนข้างไกลเกือบๆ ถึงสิบโมงครับ
ส่วนขากลับเข้าโตเกียวนั้นจอดโอซาก้าตอนเที่ยวคืนครึ่งและถึงโตเกียวเจ็ดโมงเช้าครับ
เนื่องจากเหลือรถนอนเพียงขบวนเดียว จึงค่อนข้างได้รับความนิยมแม้จากคนทั่วไปหรือแฟนรถไฟญี่ปุ่นที่ยังโหยหารถนอนขบวนสุดท้ายขบวนนี้อยู่

รถไฟขบวนนี้สามารถใช้กับ JR PASS ได้ครับ แต่จะต้องจองตั๋วเองที่ห้องจำหน่ายตั๋วครับ บางช่วงhigh-seasonอาจจะเต็มเร็วนิดนึงครับ ส่วนต้องจ่ายค่ารถนอนเพิ่มหรือไม่นั้น...อันนี้ไม่ทราบครับ(ถ้าไม่ต้องจ่ายคงคุ้มเกินไปมั๊งครับผมว่า ค่าที่นอนห้องเดี่ยวเกือบ 7000 เยนทีเดียว)

ส่วนอื่นๆ นั้นภายในรถมีเพียงแค่ตู้กดน้ำอัดลมเล็กๆ แนะนำให้ซื้อน้ำดื่มจากข้างนอกเตรียมไว้ครับ ส่วนในรถมีห้องอาบน้ำทั่วไป ซื้อการ์ดอาบน้ำเพิ่ม 320 เยน(อาบได้ 6 นาที)ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น